สรุปบทความวิทยาศาสตร์
เรื่อง สอนลูกเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติ
(Natural Phenomena)
ผู้เขียน: อาจารย์ นิติธร ปิลวาสน์ ศึกษานิเทศก์ระดับ: ก่อนอนุบาล
อนุบาลหมวด: เกี่ยวกับอนุบาล
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ (Natural phenomena) หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
มนุษย์ไม่ได้เป็นผู้สร้างขึ้น แต่มีผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์โดยตรง เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง
ฟ้าผ่า รุ้งกินน้ำ กลางวัน กลางคืน ภาวะโลกร้อน
รวมไปถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบางอย่างที่นานๆครั้งจะปรากฏให้เห็น เช่น
สุริยุปราคา จันทรุปราคา ฝนดาวตก การเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ
ปรากฏการณ์ธรรมชาติเป็นเรื่องหนึ่งที่เด็กควรเรียนรู้ในสาระธรรมชาติรอบตัว
ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546
เพื่อฝึกทักษะการคิดแบบวิทยาศาสตร์โดยผ่านกิจกรรมการทดลอง
การปฏิบัติจริงจากสถานการณ์จริง หรือสถานการณ์ที่สร้างขึ้นทั้งภายในห้องเรียน
และขณะอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน
การสอนเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติมีความสำคัญอย่างไร?
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ (Natural
phenomena) มีผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน
เช่น การเกิดภาวะโลกร้อน วิกฤติการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2554
ซึ่งสภาวการณ์ดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการกระทำของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อมและทำให้เกิดภาวะนั้นๆ
เช่น มนุษย์ทำลายธรรมชาติ ตัดไม้ทำลายป่า แหล่งน้ำ บุกรุกผืนป่า
ทำให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล และเมื่อมีปริมาณฝนมากส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วม
เนื่องจากขาดต้นไม้ที่จะดูดซับหรือกักเก็บน้ำ
อีกทั้งการเกิดภาวะโลกร้อนในปัจจุบันที่ยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้น
ลักษณะดังกล่าวนี้เกิดจากความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและยานยนต์เครื่องจักรกลต่างๆที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้ใช้เป็นเครื่องทุ่นแรงและอำนวยความสะดวก
เช่น รถยนต์ รถบรรทุก รถไถนา เครื่องจักรกลที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเครื่องจักรกลต่างๆเหล่านี้ต้องใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิง
ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เรื่องราวอันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นนี้มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในปัจจุบันที่มีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ไม่เฉพาะแต่บุคคลทั่วไป แต่ยังกระทบต่อเด็กและเยาวชนของชาติที่เป็นทรัพยากรสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
ดังนั้นการปลูกฝังหรือเสริมสร้างลักษณะนิสัยที่พึงประสงค์ให้กับเด็กในช่วงปฐมวัยจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
ที่จะทำให้เด็กได้ตระหนักถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในทางลบที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์เป็นเบื้องต้น
การที่เด็กได้เรียนรู้สาเหตุของการเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ย่อมทำให้เด็กมีลักษณะนิสัยที่รู้จักการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
และสามารถดำรงชีวิตแบบพึ่งพาซึ่งกันและกันได้ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลในอนาคต
ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมชาติรอบตัวเป็นสาระที่เด็กควรเรียนรู้เกี่ยว
กับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่แวดล้อมเด็กตามธรรมชาติ เช่น ฤดูกาล กลางวัน กลางคืน
เป็นต้น สาระที่ควรเพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กปฐมวัย
เป็นการส่งเสริมให้เด็กสนใจเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว เป็นความคิดรวบยอดทางกายภาพ
เด็กจะได้ใช้ทักษะการสังเกต การตั้งคำถาม และการหาคำตอบ
ช่วยให้เด็กได้ฝึกฝนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในลำดับขั้นสูงต่อไป ดังที่ Robert Craig ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ไว้ 5 ประการ
ที่เรียกว่า “5 Craig’s Basic Concepts” ว่าทุกสิ่งในโลกนี้จะมีลักษณะสำคัญร่วม
5 ประการ คือ
• ความเปลี่ยนแปลง (Change) ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
จึงควรให้เด็กเรียนถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ
• ความหลากหลาย (Variety) ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีความคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน
จึงควรให้เด็กเรียนรู้ความเหมือนและความแตกต่างของสิ่งต่างๆ
• การปรับตัว (Adjustment) ทุกสิ่งทุกอย่างจะมีการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
ครูจึงควรสอนให้เด็กได้สังเกตลักษณะของสิ่งนี้ เช่น
จิ้งจกจะเปลี่ยนสีตามผนังที่เกาะ เป็นต้น
• การพึ่งพาอาศัยกัน
(Mutuality) ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
เช่น นกเอี้ยงกับควาย ดังนั้น ครูจึงต้องให้เด็กเห็นธรรมชาติของสิ่งนี้
• ความสมดุล (Equilibrium) ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้จะต้องต่อสู้เพื่อรักษาชีวิต
และปรับตัวเพื่อให้ได้สมดุล และมีการผสานกลมกลืนกันเช่น ปลาอยู่ในน้ำ นกบินได้
ปลาใหญ่ย่อมกินปลาเล็ก สัตว์แข็งแรงย่อมกินสัตว์ที่อ่อนแอ
สัตว์ที่อ่อนแอต้องมีอาวุธพิเศษบางอย่างไว้ป้องกันตัว เป็นต้น
เด็กควรมีความเข้าใจธรรมชาติของสิ่งนี้
เพื่อให้ตนเองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติสามารถรักษาสมดุลไว้ได้
การสอนเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติมีประโยชน์ต่อเด็กปฐมวัยอย่างไร?
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเป็นสาระที่ควรรู้สำหรับเด็กปฐมวัย
จัดอยู่ในสาระทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีความเหมาะสมในการนำมาจัดให้เด็กได้เรียนรู้
เพื่อให้เด็กได้ประโยชน์ ดังนี้
• การเรียนรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติช่วยฝึกฝนทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ให้กับเด็ก
เช่น การสังเกต การเปรียบเทียบ
• ทำให้เด็กได้พัฒนาและสร้างความคิดรวบยอดในสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้
เป็นคนที่มีความสามารถในการคิดแบบวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อสิ่งใดง่ายๆ
ทุกอย่างที่ต้องการรู้จะเกิดจากการลงมือกระทำและพิสูจน์ให้เห็นในเชิงประจักษ์
โดยเฉพาะการคิดแบบวิทยาศาสตร์ที่เริ่มต้นจาก
การศึกษาปัญหา การตั้งสมมติฐาน
การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์เพื่อหาข้อสรุป
และการนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
• ทำให้เด็กมีเหตุผลในการกระทำสิ่งต่างๆ
และสามารถใช้ทักษะทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาทั้งในส่วนตนและส่วนรวมได้
ครูสอนเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติให้ลูกที่โรงเรียนอย่างไร?
การจัดประสบการณ์เพื่อให้เด็กรู้จักปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในระดับปฐมวัยนั้น
ครูจะจัดกิจกรรมง่ายๆ ไม่มีความซับ ซ้อน และให้เด็กได้เห็น สังเกต
และลงมือปฏิบัติจริง จนสามารถสรุปองค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆได้ด้วยตนเอง
โดยครูจัดให้เด็กได้ทดลองทางวิทยาศาสตร์ในช่วงกิจกรรมเสริมประสบการณ์
อาจให้เด็กได้เรียนรู้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
หรืออาจจัดอุปกรณ์ทดลองไว้ในมุมวิทยาศาสตร์ในกิจกรรมเสรี
พ่อแม่ ผู้ปกครองจะสอนลูกเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติได้อย่างไร?
Johann Heinrich Pestalozzi เป็นนักการศึกษาชาวอิตาเลี่ยน
มีแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาปฐมวัยโดยเน้นการให้ความ
สำคัญกับพ่อแม่ในการสอนให้ลูกเรียนรู้ได้ขณะอยู่ที่บ้าน
และการเตรียมความพร้อมทางด้านพัฒนาการเริ่มจากบ้านก่อนเข้าโรงเรียน
การเรียนรู้จะเน้นให้เด็กสามารถแก้ปัญหาและเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของสังคม
เช่นเดียวกับการสอนลูกให้เรียนรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่พ่อแม่สามารถสอนลูกได้ที่บ้านจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
โดยการสนทนา พูดคุย หรือตั้งคำถามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น เมื่อเกิดฝนตก
เมื่อเห็นรุ้งกินน้ำ เมื่อเกิดพายุหรือลมพัดทำให้ต้นไม้โค่นล้ม ภาวะโลกร้อน
การสอนลูกให้รู้จักปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินั้น
พ่อแม่ควรมีขั้นตอนการสอนที่สามารถสรุปได้ดังนี้ คือ
• การสร้างสถานการณ์การเรียนรู้ให้เกิดขึ้น
หรือการนำสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงมาใช้เป็นประเด็นในการสอน เช่น
การสอนลูกให้เรียนรู้การเกิดฝนตกจากกิจกรรมประกอบอาหารในครัว
ในขณะทำกับข้าวเด็กจะสังเกตเห็นไอน้ำที่ระเหยจากกระทะลอยไปในอากาศ
• การใช้คำถามปลายเปิดเพื่อให้เด็กคิดหาคำตอบ
พ่อแม่สามารถใช้คำถามกระตุ้นให้เด็กคิดให้หลากหลาย
ทำให้เด็กได้พัฒนาทั้งทางด้านกระบวนการคิด และความสามารถในเชิงการคิดสร้างสรรค์ได้
เช่น แม่อาจจะใช้คำถามว่า ไอน้ำเกิดขึ้นได้อย่างไร ไอน้ำลอยไปที่ไหน
เพื่อให้เด็กสามารถเชื่อมโยงการเรียนรู้ที่ครูสอนจากโรงเรียนไปสู่การเรียนรู้ขณะอยู่ที่บ้าน
• การให้เวลาเด็กคิดหรือค้นหาคำตอบจากแหล่งต่างๆ
• การให้เด็กสรุปสิ่งที่เด็กได้เรียนรู้ด้วยตนเองก่อนที่จะอธิบายให้ลูกเข้าใจ
เทียบเคียงกับการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ
พ่อแม่อาจจะอธิบายกฎต่างๆเกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติให้ลูกเข้าใจ
• เน้นให้เด็กเรียนรู้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน
เช่น การฝึกให้เด็กรู้จัดคัดแยกขยะ
และรู้วิธีการทำลายขยะเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน
เกร็ดความรู้เพื่อครู
ครูมีบทบาทสำคัญยิ่งในการจัดประสบการณ์ให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
นอกจากการสอนจากหน่วยการเรียนรู้เพื่อให้เด็กเข้าใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแล้ว
การจัดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมเด็กให้เข้าใจได้ยิ่งขึ้นจากการจัดมุมประสบการณ์ เช่น
การจัดมุมวิทยาศาสตร์ให้เด็กเข้าไปเรียนรู้และทดลอง เช่น
การนำอุปกรณ์การทดลองเรื่อง กลางวันกลางคืน โดยใช้ไฟฉาย ลูกบอล วัสดุทึบแสง
เป็นต้น ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้เป็นการกระตุ้นการเรียนรู้ได้ดีอีกวิธีการหนึ่งด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น